กัมพูชาประกาศห้ามนำเข้าผลไม้ ผัก และเชื้อเพลิงจากประเทศไทย
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม กรมศุลกากรและภาษีศุลกากรแห่งกัมพูชาได้ออกประกาศสั่งห้ามการนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยหลายรายการ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและพลังงาน ได้แก่:
- ผลไม้
- ผัก
- น้ำมันเบนซิน
- น้ำมันดีเซล
- ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG, LNG)
- น้ำมันเชื้อเพลิงอื่น ๆ
- น้ำมันสำหรับเครื่องบิน (Jet-A1)
สาเหตุของการห้ามนำเข้า
การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หลังจากที่ประเทศไทยปิดด่านชายแดนฝั่งตะวันออกแบบฝ่ายเดียว เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ทำให้การค้าข้ามแดนหยุดชะงักในหลายพื้นที่
แม้จะยังมีด่านบางแห่งเปิดให้ใช้งานได้ แต่การปิดเส้นทางหลักทำให้เกิดผลกระทบต่อเส้นทางนำเข้าสินค้าจากไทย ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญสำหรับสินค้าเกษตรและพลังงานของกัมพูชา
มาตรการที่เริ่มใช้แล้ว
- การห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซ มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน
- การห้ามนำเข้าผลไม้และผัก มีผลตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน
- มีคำแนะนำให้ผู้นำเข้าสินค้าใช้เส้นทางหรือด่านอื่นที่ยังเปิดอยู่ และปฏิบัติตามกฎหมายศุลกากรของกัมพูชาอย่างเคร่งครัด
ผลกระทบและท่าทีของรัฐบาลกัมพูชา
รัฐบาลกัมพูชายืนยันว่ามาตรการนี้ ไม่ใช่มาตรการถาวร และจะพิจารณายกเลิกหากสถานการณ์บริเวณชายแดนดีขึ้นในเร็ววัน อย่างไรก็ตาม การระงับการนำเข้าสินค้าจากไทยเริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ค้าทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่เคยพึ่งพากันอย่างใกล้ชิด
ความสัมพันธ์ทางการค้าไทย–กัมพูชา
ในปีที่ผ่านมา มูลค่าการค้าระหว่างไทยและกัมพูชาสูงถึงกว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 15% จากปีก่อนหน้า ไทยถือเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับต้น ๆ ของกัมพูชาในระดับอาเซียน และเป็นอันดับสี่ในระดับโลก
ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศอยู่ที่ประมาณ 1.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว